จากกรณีที่ตำรวจพบศพ “น้องดาว” อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น เว็บตรงฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ ม.6 แห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี บ้านเลขที่ 14 หมู่ 4 ต.รางสาลี่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านยายของเพื่อนชายที่สนิท (นายพัฒน์) สภาพศพ มีคราบเลือดไหลออกจากปากจมูก เลอะเสื้อบริเวณหน้าอก ขณะที่ในจุดเกิดเหตุเพื่อนชายทั้ง 3 คนซึ่งประกอบด้วย นายพัฒน์, นายเต๋า และนายธีย์ หายไป
ล่าสุดวันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สภ.ท่าม่วง พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภาค 7
มอบหมายให้พล.ต.ท.สุพัฒน์ เชยชิต รองผบช.ภาค 7 ลงพื้นที่ตรวจสำนวนคดี และประชุมสรุปความคืบหน้ากับคณะทำงาน โดยมีพล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.อภิชาติ ศรีทองกุล รองผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สุชาย เทศัชบุตร ผกก.สภ.ท่าม่วง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ภ.จว.กาญจนบุรี ชุดสืบสวน สภ.ท่าม่วง และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าร่วมประชุมด้วย
หลังจบการประชุม นายอัจฉริยะกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับนายพัฒน์ เพื่อนของน้องดาว เนื่องจากผลการชันสูตรศพอย่างละเอียด พบในร่างกายของน้องดาว มีสารเสพติดเฮโรอีน เคตามีน และยานอนหลับ ซึ่งขัดกับคำให้การของนายพัฒน์ ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนชายคนสนิท หากเป็นคนสนิท คบหาเป็นแฟนกัน น่าจะไม่ใช้ยานอนหลับกับน้องดาว ก่อนจะเสียชีวิต
ขณะที่ผลการสอบปากคำเพื่อนอีก 2 คน คือนายธีและนายเต๋า มีคำให้การที่ขัดแย้งกับคำให้การของนายพัฒน์ ทั้งสองคนบอกว่ายาเสพติดที่นำมาเสพในคืนก่อนน้องดาวเสียชีวิต นายพัฒน์เป็นคนนำมาเองทั้งหมด หลังจากนี้จะสอบสวนนายธีร์และนายเต๋าเพิ่มเติม ส่วนจะดำเนินคดีในข้อหาใดบ้าง ต้องรอให้การสอบสวนเสร็จเรียบร้อยก่อน
จากกรณีที่ทางเพจ แหม่มโพธิ์ดำ เปิดเผยข้อความที่ทีมดับไฟป่าดอยสุเทพ ฝากคำถามถึง ฌอน บูรณะหิรัญ ว่าเคยเปิดรับเงินบริจาคช่วยไฟป่าคนไลก์เป็นแสน แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ ต่อมาฌอนก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายสราวุธ วรพงษ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้ลงนามในเอกสารส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กรณีรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือในการดับไฟป่าในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ ของฌอน โดยเอกสารมีการชี้แจงว่า
ตามที่ปรากฏข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์ กรณี “ฌอน บูรณะหิรัญ” เปิดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือในการดับไฟป่าในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563 จนถึง 1 พฤษภาคม 2563 เป็นจำนวนเงิน 875,741.53 บาท (แปดแสนเจ็ดหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยสี่สีบเอ็ดห้าสิบสามสตางค์)
อำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า นายฌอน บูรณะหิรัญ มิได้มายื่นขออนุญาตทำการเรี่ยไร ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พุทธศักราช 2487 ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ แต่อย่างใด
กยศ แจงชัด เป็นหนี้หมื่นกว่า ทำไมโดนยึดบ้าน 2 ล้านขาย
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า “จากกรณีที่มี พี่สาวของผู้กู้ยืมเงินกองทุน ได้ร้องเรียนผ่านสื่อว่าถูกสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ประกาศขายทอด ตลาดทรัพย์ โดยเป็นหนี้ กยศ. เพียง 17,000 กว่าบาท แต่กลับถูกบังคับคดียึดบ้านในราคา 2 ล้านกว่าบาท ไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ นั้น
กองทุนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2551 และศาลได้มีคำพิพากษาให้ชำระหนี้เงินต้น จำนวน 17,868 บาท พร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการสืบทรัพย์บังคับคดี จากการสืบทรัพย์พบทรัพย์สินของผู้กู้แต่ไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดไว้แล้ว กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันเมื่อปลายปี 2561 ซึ่งที่ดินดังกล่าวติดจำนองเจ้าหนี้รายอื่นอยู่ ต่อมาในช่วงต้นปี 2562 ผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้เพียงบางส่วน และไม่ได้ติดต่อกองทุนเพื่อทำบันทึกข้อตกลงงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมหรือ ผู้ค้ำประกันมาติดต่อก็สามารถของดการขายทรัพย์และผ่อนชำระหนี้ได้อีก 6 ปี ต่อมาสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ได้ดำเนินการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยขายแบบติดจำนอง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และมีบุคคลภายนอกซื้อได้ในราคา 30,000 บาท โดยการขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งที่ 11 ซึ่งในการขายทุกครั้งที่ผ่านมาไม่มีผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมาดูแลการขาย
กองทุนขอชี้แจงว่า ก่อนที่จะมีการบังคับคดี กองทุนพยายามที่จะติดต่อกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันทั้งทางจดหมายและทางโทรศัพท์ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนการติดตามหนี้มาโดยตลอด จนในที่สุด กองทุนมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันก่อนที่คดีจะขาดอายุความ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายนี้ กองทุนก็ได้ประสานงานกับผู้ซื้อทรัพย์เพื่อให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยินดีขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ค้ำประกันในราคาซื้อ
ทั้งนี้ กองทุนขอฝากถึงผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่ถูกบังคับคดี ขอให้มาติดต่อที่กองทุน เพื่อจะได้โอกาสในการผ่อนชำระได้อีกไม่เกิน 6 ปี และขอฝากเรื่องการค้ำประกันการกู้ยืมใดๆ ขอให้ผู้ค้ำประกันตระหนักว่า จะเป็นภาระผูกพันทางกฎหมาย โดยขอให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้อง จนเดือดร้อนถึงผู้ค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบิดามารดาและญาติๆ และกองทุนขอให้ผู้กู้ยืมรุ่นพี่ทุกท่านตระหนักถึงการชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในที่สุด สล็อตเว็บตรง , ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ เว็บตรง